ผลงานเพลง

ที่มาของแต่ละอัลบั้มของวง Linkin Park


   
1.Hybrid Theory (2000)

สัญลักษณ์ของวงในสมัย Hybrid Theory 
จนถึงก่อน Minutes to Midnight

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ออกผลงานชุดแรกของ ลิงคินพาร์ค จะใช้ชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจากชื่อที่ยังคาใจทุกคนอยู่ นั่นก็คือ "ไฮบริด ธีโอรี่" [Hybrid Theory] ทุกคนยอมรับว่าคือ วลีที่สรุปจุดมุ่งหมายของวงได้ดีที่สุด และต้องมีการใสวงเล็บเพิ่มลงไปด้วย
"ไฮบริด ธีโอรี่" ของวงดนตรีหน้าใหม่วงนี้ ประกอบไปด้วยบทเพลงเยี่ยมยอดมากมาย ที่สามารถทะยานเข้าสู่ ท็อป 20 ของบิลบอร์ด (Billboard Top 20) ได้สัปดาห์แรก บทเพลง วัน สเต็ป โคลสเซอร์ (One Step Closer) โดนใจนักจัดรายการวิทยุทั่วโลกไปเต็มๆ รวมทั้ง ครอวลิ่งก์ (Crawling) และ อิน ดิ เอ็นด์ (In the End)
ช่วงนั้น แบรด (Brad) จบระดับไฮสกูล และเข้าศึกษาต่อที่ ยูซีแอลเอ (UCLA) และเป็นเพื่อนร่วมห้องกับ ฟีนิกซ์ (Pheonix) สมาชิกรุ่นก่อตั้งวงในประมาณปี พ.ศ. 2544 จึงชักชวนให้กลับเข้าร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง ในฐานะสมาชิกคนที่ 6 ของ ลิงคินพาร์ค (แต่ในปกผลงานชุด ไฮบริด ธีโอรี่ ลงเครดิตเพียงแค่ 5 คน เท่านั้น)
ลิงคินพาร์ค ได้รับรางวัล The favor of MTV's pop-oriented TRL crowd และภายในปี 2544 ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตทั้งสิ้น 324 คอนเสิร์ต รวมไปถึง การแสดงในเทศกาลดนตรี แฟมิลี่ แวลูส์ (Family Values) อ็อซเฟสท์ (Ozzfest) และ โปรเจกต์ รีโวลูชั่น (Projekt Revolution) ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลแกรมมี่ 3 รางวัล ในสาขาผลงานเพลงร็อกยอดเยี่ยม (Best Rock Album) ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Artist) และ การแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยม (Best Hard Rock Performance) และคว้า รางวัลสาขาการแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยม (Best Hard Rock Performance) ประจำปี 2544 อีกทั้งยังสร้าง สถิติยอดจำหน่ายสูงสุดแห่งปี 2543 ต่อมา พ.ศ. 254 5 "ไฮบริด ธีโอรี่" ทำสถิติยอดจำหน่ายแพล็ทตินั่มกว่า 8 ล้านแผ่น และ สร้างยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 5 ประจำปี 2545 อีกด้วย        

อัลบั้ม Hybrid Theory




2.Meteora (2003)

อัลบั้มนี้ใช้เวลานานถึง 18 เดือน ในการเขียนและบันทึกผลงานเต็มชุดที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จภายใต้ชื่อ "เมทีโอร่า" (Meteora) ที่โปรดิวซ์โดย ดอน กิลมัวร์ (Don Gilmore) มิกซ์เสียงโดย แอนดี้ วอลเลซ (Andy Wallace) ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ แอท เดอะ ไดรฟ์ อิน (At The Drive-In) , ดิสเทิร์บท์ (Disturbed) , ฟูไฟเตอร์ส (Foo Fighters) , คอร์น (Korn) , ลิมพ์ บิซคิท (Limp Bizkit) , เนอร์วานา (Nirvana) , เรจ อเกนสท์ เดอะ แมชชีน (Rage Against The Machine) และ ซิสเต็ม ออฟ ดาวน์ (System of a Down)
อัลบั้ม Meteora ขายได้ 800,000 copies ใน 1 อาทิตย์. ในอัลบั้ม ประกอบด้วย ซิงเกิล "Somewhere I Belong", "Breaking the Habit", "Faint", and "Numb" เมื่อใกล้ขายได้ 3 ล้าน copies ลิงคินพาร์คจึงจัด "Project Revolution" หรือเทศกาลดนตรีของ ลิงคินพาร์ค
ลิงคินพาร์ค ยอมรับว่า ได้รับอิทธิพลดนตรีมาจาก เดฟโทนส์ (Deftones) , ไนน์ อินช์ เนลส์ (Nine Inch Nails) , เอเฟ็กซ์ ทวิน (Aphex Twin) และ เดอะ รูทส์ (The Roots)



        
3.Side projects (2004—2006)


         หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ อัลบั้ม "Hybrid Theory" และ "Meteora" เชสเตอร์ได้ร่วมงานกับวงอื่น เช่น "Dead by Sunrise" ส่วนไมค์ได้ร่วมงานกับ Depeche Mode. ในปี 2004 วงลิงคินพาร์ค ทำอัลบั้ม "Collision Course" ที่นำเพลงจากอัลบั้มเก่า ร่วมกับ "Jay-Z"



4.Minutes to Midnight (2007)


สัญลักษณ์ของวงตั้งแต่สมัย 
Minutes to Midnight จนถึงปัจจุบัน

ในปี 2006 ลิงคินพาร์คได้กลับเข้าสตูดิโออีกครั้ง และเปลี่ยนแนวเพลง
อัลบั้ม "Minutes to Midnight" ออกวางขาย วันที่ 15 พฤษภาคม 2007 ชื่ออัลบั้มนั้นได้แนวคิดมาจากนาฬิกาโลกาวินาศซึ่งมาจากนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก หลังจากสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสิ้นสุดลง อัลบั้มชุดนี้เป็นร่วมกันโปรดิวซ์ระหว่างโปรดิวเซอร์ที่ดังที่สุดแห่งยุค และเจ้าของรางวัล Producer of The Year คนล่าสุดจากเวทีแกรมมี่อย่าง ริค รูบิน และ ไมค์ ชิโนดะ เอ็มซีและมันสมองของลิงคินพาร์ค
อัลบั้ม Minutes to Midnight 



5.A Thousand Suns (2010)


วันที่ 18 พฤษภาคม 2009 ออกซิงเกิลใหม่ ในชื่อ "New Divide" เพลงประกอบหนัง "Transformers: Revenge of the Fallen".
วันที่ 19 มการคม 2010 วงลิงคินพาร์ค ออกซิงเกิลใหม่ ในชื่อ "Not Alone" เพื่อองค์กร "Music For Relief" ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวใน เฮติ. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2010 ลิงคินพาร์คออกมิวสิกวิดีโอของเพลง "Not Alone" ที่หน้าแรกของเว็บ ลิงคิน พาร์ค
วงลิงคินพาร์ค ออกเกม "8-Bit Rebellion" ในวันที่ 26 เมษายน 2010 สำหรับ iPod , iPhone และ iPad. ภายในเกมประกอบด้วย เพลง "Blackbirds" จะถูกปลดล็อกเมื่อผู้เล่น เล่นเกมจบ
วันที่ 6 มิถุนายน 2010 ลิงคินพาร์คเปิดเผยว่าอัลบั้มใหม่ใกล้เสร็จแล้ว. มีการกำหนดการจัดคอนเสิร์ต ครั้งแรกของปี 2010 ที่เยอรมัน
วันที่ 8 กรกฎาคม 2010 วงลิงคินพาร์ค ประกาศกำหนดวันออก อัลบั้ม "A Thousand Suns" อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 กันยายน 2010. นอกจากนั้น วงลิงคินพาร์ค ประกาศชื่อเพลง และ กำหนดวันออกซิงเกิลแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม 2010 เพลง "The Catalyst"




6.Living Things (2012)

         เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 ของพวกเขา ซึ่ง Producer สำหรับอัลบั้มนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจาก ไมค์ ชิโนดะ และ ริกซ์ รูบิ้น ผู้ที่เคยโปรดิวซ์งานพวกเขามาแล้วใน อัลบั้ม Minutes to Midnight (2007) และ A Thousand Suns (2010) พวกเขายังบอกอีกว่า อัลบั้ม Living Things นี้เป็นการรวมองค์ประกอบทั้งหมดจากทุกอัลบั้มที่เคยทำมาเพื่อสร้างซาวนด์ที่ แปลกใหม่แต่ก็ยังคงความเป็น Linkin Park เหมือนเดิม พวกเขาว่าในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบ “พื้นที่ที่พวกเขาคุ้นเคย” ในการผลิตผลงานเพลงออกมาอีกครั้ง
          เชสเตอร์ เบนนิงตัน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone ขณะที่กำลังทำอัลบั้มว่า”พวกเรากำลังทำอัลบั้มใหม่อยู่และ Linkin Park ตั้งใจไว้ว่าจะทำอัลบั้มใหม่ทุกๆ 18 เดือน ผมคงช็อคถ้ารู้ว่าอัลบั้มใหม่นี้ไม่ได้ออกในปี 2012″ เขายังให้ สัมภาษณ์กับ MTV อีกว่า “พวกเราเริ่มต้นได้สวยงามมาก พวกเรามีทั้งเพลงเจ๋งๆ และไอเดียเจ๋งๆ มากมาย ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ไหลเข้ามาในหัวพวกเราไม่หยุดในระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมานี้”
          ไมค์ ชิโนดะ ให้สัมภาษณ์แก่ Complex ว่าพวกเขาใช้เวลาทั้งปีในการทำอัลบั้มและสร้างสรรค์ซาวนด์ต่างๆ อย่างพิถีพิถันและปราณีต เขาบอกว่า “อัลบั้มนี้มันจะไม่เสียความสร้างสรรค์จากงานอัลบั้มใหม่ๆของพวกเขา แต่มันยังได้นำพาให้รู้สึกถึงซาวนด์จากอัลบั้มเก่าๆอย่างทรงพลังอีกด้วยซาวนด์มันค่อนข้างครอบคลุมทั้งหมด ผมรู้สึกว่าพวกเราได้พยายามสร้างสรรค์งานเต็มที่จากประสบการณ์ทั้งหมดที่มีมา และนำมันเข้ามาใส่รวมด้วยกันในเพลงแต่ละเพลงของอัลบั้มนี้ มันยังคงสดใหม่และมีความก้าวหน้าทางความคิด”
           เชสเตอร์ เบนนิงตัน บอกนิตยสาร Kerrang ! ว่า “อัลบั้มใหม่นี้พวกเราได้เอาหลายๆซาวนด์กีต้ามารวมกับซาวนด์อิเลกทรอนิกหนักๆ ให้เพลงรู้สึกหนักแน่นมากกว่าที่จะให้มันออกมาหนักๆ แบบซาวนด์เมทั่ล อัลบั้มนี้ซาววนด์คงจะเป็นที่คุ้นเคยมากกว่าอัลบั้ม A Thousand Suns แน่นอน เนื้อเพลงค่อนข้างจากมีความเป็นส่วนตัวนะในอัลบั้มนี้ พวกเราเขียนเรื่องความสัมพันธ์ มากมาย ซึ่งพวกเราหลีกเลี่ยงที่จะเขียนเรื่องราวการเมืองลงในอัลบั้มนี้”
          เชสเตอร์ เบนนิงตัน และ ไมค์ ชิโนดะ อธิบายให้ Spin ฟังว่า ตอนนี้พวกเขามีทักษะและเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมเพื่อรองรับไอเดียใหม่ๆ ที่ พวกเขาจะสร้างสรรค์ขึ้นมา พวกเขากำลังหาซาวนด์ ที่”ตรงข้าม”กับความเป็น Nu Metal (เหมือนอัลบั้ม Hybrid Theory และMeteora) ซึ่งมันเป็นซาวนด์ ที่บ่งบอกความเป็นพวกเขาจากอัลบั้มแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาบอกว่าเรายังเอาองค์ประกอบจากความเป็น Nu Metal นั้นได้นะ แต่พวกเราต้องนำมาทำให้เป็นบรรยากาศที่แตกต่าง ซึ่งจะทำให้มันไม่ซ้ำซากแ ละเกิดความสดใหม่ เชสเตอร์ เบนนิงตัน บอกทาง Live 105 พวกเรานั้นรวม”ชิ้นส่วนที่ดีที่สุด “จากเพลงต่างๆในทุกอัลบั้มที่เคยทำมา มารวมเข้าใส่ในผลงานชุดใหม่นี้ ไมค์ ชิโนดะ อธิบายให้ทาง NME ฟังว่า งานใหม่ของพวกเขานี้ เขาจะ”หลีกเลี่ยง” ความเป็น Nu Metal เหมือนอัลบั้มแรกๆ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ได้กลับมาที่ “ราก” ของพวกเราจริงๆ มันช่วยให้ความรู้สึกต่างๆหวนคืนมา ซึ่งเราไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานหลายปีแล้ว และอัลบั้มนี้จะมีความเป็นแร็ปค่อนข้างมากกว่า ถ้าเอาไปเทียบกับสองอัลบั้ม Minutes to Midnight (2007) และ A Thousand Suns (2010) ที่ผ่านมาของพวกเขา ไมค์ ชิโนดะ บอก Musique Mag ว่าอัลบั้มนี้จะทรงพลังมากกว่า และมี”บทเพลง”เป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะตรงข้ามกับอัลบั้มที่แล้ว A Thousand Suns ที่มี “คอนเซปท์” ของอัลบั้มเป็นรากฐานในการสร้างสรรค์บทเพลง ทางวงได้รับแรงบันดาลและอิทธิพลมากมายในอัลบั้ม Living Things นี้



วง Linkin Park ได้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Transformers อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น