เมื่อ ซีโร่ (Xero) มีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่ วิสกี้ อะโกโก้ ( Whisky A Go-Go ) คลับดังของแอลเอ และด้วยฝีมือการแสดงอันโดดเด่น จึงเป็นที่ถูกใจ เจฟฟ์ บลู (Jeff Blue) แห่ง ซอมบ้า มิวสิค พับลิชชิ่ง( Zomba Music Publishing) และได้เซ็นสัญญาในที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญและผลักดันให้ ซีโร่ (Xero) มีโอกาสในวงการดนตรีมากขึ้น เนื่องจาก เจฟฟ์ (Jeff) มีส่วนผลักดันให้ผลงานเพลงตัวอย่างของ ซีโร่ (Xero) เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเพลงมากขึ้น
ต่อมา ซีโร่ (Xero) ได้เซ็นสัญญากับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Brothers) อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนั้นไม่นาน เจฟฟ์ (Jeff) ย้ายตามไปทำงานร่วมกันโดยดำรงตำแหน่ง เอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ (Executive Producer) ด้วย ขณะนั้น ซีโร่ (Xero) ต้องการสมาชิกเพิ่มในตำแหน่ง นักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington: second vocal) หนุ่มจากอริโซน่าจึงเข้ามาเป็นสมาชิกคนต่อไปในฐานะนักร้องนำ โดย เชสเตอร์ (Chester) ได้รับเทปตัวอย่างที่ ซีโร่ (Xero) ทำขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ ในห้องนอนของ ไมค์ (Mike)
นอกจากนี้ทั้ง เชสเตอร์ (Chester) และ ไมค์ (Mike) รู้จักกันผ่านทางสำนักทนาย ไมเนียท เฟลพส์ แอนด์ เฟลพส์ (Miniet Phelps and Phelps) ที่ทั้งคู่ใช้บริการ เชสเตอร์ (Chester) สนใจที่จะร่วมงานกับ ซีโร่ (Xero) มาก จนถึงกับแอบหนีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 23 ปีของตนไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก จากนั้นได้โทรศัพท์เปิดเทปตัวอย่างให้กับทางวงฟัง ซึ่งทุกคนชอบมากจึงรับ เชสเตอร์ (Chester) เป็นสมาชิกใหม่ทันที
จากนั้นสมาชิก ซีโร่ (Xero) ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ค.คอม (lincolnpark.com) ไปเรียบร้อย ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตน และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น